วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องของหมา พันธุ์บางแก้ว -3-

เรื่อง  ..  ประวัติความเป็นมาของสุนัขพันธุ์ บางแก้ว

ข้อมูลจากตำนานบอกเล่าจากคนเก่าแก่บ้านบางแก้ว, บ้านชุม
แสงสงคราม สรุปได้ว่า แหล่งกำเนิดสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วอยู่ที่วัดบางแก้ว ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดย

หลวงพ่อมากซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดในขณะนั้น ท่านได้เลี้ยงสุนัขไว้มากมายไม่ต่ำกว่า 20 ตัว และแต่ละตัวนั้นสุดแสนที่จะดุ จน
เป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้านในระแวกนั้นว่า ถ้าใครเข้าไปที่วัดโดยไม่ส่งเสียงเรียกหลวงพ่อ ก็จะต้องถูกไล่กัดกระจุยแน่นอน ด้วยความดุของสุนัขเหล่านี้นี่เอง ทำให้ชาวบ้านนิยมขอลูกสุนัข
ไปเลี้ยงเฝ้าบ้าน จนแพร่พันธุ์ไปมากมายตามหมู่บ้านต่างๆ ด้วยความที่เป็นสุนัขที่ดุและหวงแหนทรัพย์สิน รักเจ้าของอย่างถวายหัว แถมยังมีขนยาวสวยงาม จึงทำให้เป็นที่นิยมกันในตั้งแต่อดีต แต่ในอดีตนั้นไม่มีการซื้อขาย แต่จะนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยน เช่นลูกปืนหรือสิ่งของอื่นๆ ที่ชาวบ้านจำเป็นต้องใช้ไปแลกกับลูกสุนัข หรือถ้าใครมีโอกาสผ่านไปยังบริเวณดังกล่าว ก็จะมีการนำสุนัขบางแก้ว มาเป็นของฝาก ของกำนัลให้กับเจ้านาย ซึ่งในปัจจุบันสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วได้รับการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องทำให้มีรูปร่างที่สวยงาม โครงสร้างใหญ่ ขนยาว กว่าในอดีต จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากและได้แพร่หลายออกไปทั่วประเทศ
เรื่อง  ..  ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์บางแก้ว

นิสัยของสุนัขบางแก้วนั้น จะมีนิสัยที่ร่าเริง ซุกซน อยากรู้อยากเห็น ดุ หวงของ หวงเจ้านาย ขี้อิจฉา ขี้อ้อน ประจบเก่ง เจ้าเล่ห์ อันนี้เป็นนิสัยพื้นฐานของสุนัขบางแก้ว ซึ่งในสุนัขบางแก้วเราสามารถที่จะพบเจอได้เสมอๆ ฉะนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลี้ยงสุนัขบางแก้ว ขอให้คุณศึกษานิสัยของสุนัขพันธุ์นี้ให้ดีเสียก่อน เพราะนิสัยของสุนัขจะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ การเลี้ยงดู และสายพันธุ์(การสืบทอดทางพันธุ์กรรม) การที่จะเลี้ยงสุนัขบางแก้วให้ได้ดีๆตัวหนึ่งนั้น จะต้องประกอบด้วย ผู้เลี้ยงที่ดีและสุนัขนั้นมีสายเลือดที่ดี ต้องมีทั้งสองส่วนประกอบกัน
     เมื่อเราคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วว่าเราต้องการจะเลี้ยงสุนัขบางแก้ว เราต้องเริ่มศึกษาถึงนิสัยและพฤติกรรมของเขาในแต่ละช่วงอายุ ต้องหาความรู้เรื่องวิธีเลี้ยงและต้องเลี้ยงอย่างถูกวิธี
ประการสำคัญก็คือ  ความรัก ความรู้สึกดีๆกับสุนัขพันธุ์บางแก้ว เท่านี้คุณก็จะเป็นผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้วที่มีคุณภาพคนหนึ่ง
    
นิสัยของสุนัขบางแก้วนั้น จะพื้นฐานนิสัยที่ไม่แตกต่างกันมากนัก คือ เป็นสุนัขที่หวาดระแวงและอาจนำมาซึ่งความดุ หวงของเล่น หวงของกิน หวงถิ่นที่อยู่ ขี้อิจฉา เจ้าเล่ห์ ขี้ประจบ เป็นนักทำลายของ ฯลฯ ในสุนัขบางแก้วตัวหนึ่งนั้นจะมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี ดังนั้นหากเราเลี้ยงให้ถูกวิธี รู้จักวิธีการป้องกันไม่ให้เขาแสดงนิสัยที่ไม่ดี เขาก็เป็นสุนัขที่ไม่มีปัญหา และเป็นสุนัขที่น่ารักมากๆสำหรับเราและครอบครัว
เรื่อง  ..  เอกลักษณ์ของสุนัขบางแก้ว

เอกลักษณ์ของสุนัขบางแก้ว
สุนัขบางแก้วเรานั้น เป็นสุนัขที่มีเอกลักษณ์พิเศษ และถือว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ ซึ่งจำเป็นต้องมีเอกลักษณ์เหล่านี้ จึงจะถือว่าเป็นสุนัขบางแก้วที่สวยสมบูรณ์และครบตามลักษณะของสุนัขบางแก้ว
1. ต้องมีแผงหน้า
2. ต้องมีขนหลังหู

3.
ต้องมีขนหน้าอก (เครา)
4. ต้องมีแข้งสิงห์(เป็นขนที่อยู่หลังขาหน้า)
5. ต้องมีขนท้อง
6. ต้องมีแผงหลัง(ผ้าคลุมไหล่)
7. ต้องมีกระโปรงท้าย
8. หางเป็นพวง
9. ลักษณะขน ต้องเป็นขนสองชั้น คือ มีชั้นซับในเป็นลักษณะขนสั้นๆ อ่อนนุ่ม และมีขนยาวปกคลุมอีกชั้นหนึ่ง
10. ลักษณะของตา จ้องเป็นสามเหลี่ยม คล้ายเม็ดอัลมอนด์
11. ลักษณะหูเป็นสามเหลี่ยมตั้ง ป้องไปข้างหน้า อยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม
สุนัขสายพันธุ์ไทยแท้ ขนสองชั้น หางเป็นพวง ขนที่แผงคอคล้ายสิงโต ฉลาด ไอคิวสูง ดุ และจงรักภักดีต่อผู้เป็นนาย
เรื่อง  ..  การสังเกตลูกสุนัข บางแก้ว

1. ลักษณะของลูกสุนัขที่ออกมาในช่วงแรกหูค่อนข้างจะเล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับลูกสุนัขไทย ทั่ว ๆ ไป กะโหลกศีรษะใหญ่ กระหม่อมแบนราบ หน้าผากโหนก มีขน 2 ชั้น
2. บางตัวมีสีดำแล้วจะค่อยเปลี่ยนเป็นสีสนิมเหล็กเมื่อโตขึ้น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากสายเลือด ของหมาไนที่ออกลูกเป็นสีดำในช่วงแรก แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดงสนิมเหล็ก
3. มีแนวของขนแผงคอเห็นได้อย่างชัดเจน โคนหางอวบใหญ่
4. มีลักษณะของแนวขนแข้งสิงห์ที่ด้านหลังของขาหน้า
5. ขาจะใหญ่และแข็งแรงกว่าสุนัขไทยทั่วไป
6. ขนยาวเป็นปุยนุ่มมือ มีลักษณะเป็นขนสองชั้น
7. เมื่อสุนัขโตขึ้นอายุประมาณ 1 เดือน จะมีนิสัยชอบเล่นน้ำและชอบอาบน้ำ ซึ่งแตกต่างไปจาก สุนัขไทยทั่วไป
8. หน้าแด่นหรือแบ่งเป็นเส้นจากปลายปากถึงกะโหลกศีรษะ ถ้ามีน้อยไม่ยาวมากเรียก "แด่น" แต่ถ้าเส้นยาวมีมากและแยกส่วนศีรษะออกเป็นสองส่วนแรก "แบ่ง"
9. ปลายปากแหลมเล็ก ปลายปากยาว (ขาวเป็นวงรอบปลายปาก) เรียกว่า "คาบแก้ว"
10. มีสีแต้มด่างตามมาตรฐาน
เรื่อง  ..  การดูแลสุนัขบางแก้ว

การอาบน้ำ
การที่จะรักษาขนของสุนัขให้สวยงามตลอดนั้นทำได้ไม่ยาก ผู้ที่เพิ่งเป็นเจ้าของสุนัข ส่วนใหญ่เชื่อว่าาจะต้องอาบน้ำทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างผิด ๆ การอาบน้ำเป็นประจำจะทำให้ขนเสีย ขนแห้ง ขนนิ่มบ้าง และขนร่วง การใช้โลชั่นและน้ำยาทำความสะอาดชนิดต่าง ๆ ติดต่อกัน ก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบได้ การดูแลขนให้สวยงามอยู่เสมอ เพียงแต่ใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่อุ่น ๆ ลูบ จากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้ง นับว่าเพียงพอที่จะทำให้ขนของมันอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยมแล้ว
ไม่ควรอาบน้ำถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แต่เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน สุนัขมีเหงื่อออกมาก ถ้ายิ่งปล่อยให้มันไปวิ่งซนนอกบ้านบ่อย ๆ ก็ยิ่งสกปรกเร็ว ควรพิจารณาดูจากสภาพของสุนัข เมื่อเห็นว่าขนเริ่มเหนียว สกปรก หรือมีกลิ่นเหม็นก็อาบน้ำให้สุนัขได้ ปกติควรเริ่มอาบน้ำเมื่ออายุ 3 เดือนขึ้นไป แต่หากได้สุนัขมาจากที่อื่น ควรพิจารณาจากสภาพว่าสกปรกมากน้อยแค่ไหน สุขภาพแข็งแรงหรือไม่ เห็บหมัดมากน้อยอย่างไร หากอยู่ในเกณฑ์พอสมควรเป็นไปได้ก็ให้รีบอาบน้ำเลย เพื่อป้องกันการระบาดของเห็บหมัด และรักษาโรคผิวหนังพร้อมกับการทำความสะอาด
สุนัขที่โตแล้วควรจะอาบน้ำทุก 3 ถึง 4 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมม การอาบน้ำควรอาบในเวลากลางวันที่มีแดดออก แต่ไม่ใช่กลางแสงแดด ควรเป็นแดดอ่อน ๆ จึงได้ผึ่งตัวให้แห้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ แชมพูที่ใช้อาบควรใช้แชมพูที่ผลิตมาเพื่อสุนัขโดยเฉพาะ เพราะการอาบน้ำจะดึงเอาน้ำมันตามธรรมชาติออกมา จึงไม่ควรใช้สบู่กรดหรือผงซักฟอก เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบได้ ขณะอาบน้ำต้องระวังไม่ได้ฟองสบู่เข้าตาหรือน้ำเข้าหูได้ อาจใช้สำลีอุดรูหูทั้งสองข้าง พร้อมกับใช้มือกดใบหูให้หลุบลงเพื่อป้องกันน้ำเข้า การอาบน้ำควรจะราดน้ำให้เปียกทั่วตัวก่อน แล้วจึงถูสบู่หรือแชมพูให้ทั่วตัว แชมพูบางชนิดมีคำแนะนำให้ทิ้งไว้นานเท่าใด เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้ปฏิบัติตามนั้น ควรฟอกสัก 2 ครั้ง จากนั้นล้างแชมพูออกให้หมด อาจใช้ครีมนวดเล็กน้อย เพื่อให้ขนเงางาม ล้างน้ำให้สะอาด 2-3 ครั้ง เอาสำลีที่อุดหูออก
หลังอาบน้ำเสร็จแล้วไล่น้ำที่ติดค้างตามขนออกให้มากที่สุด แล้วใช้ผ้าเช็ดตัว ต้องเช็ดตัวหรือใช้ไดร์เป่าผมเป่าขนให้แห้ง เพื่อป้องกันความอับชื้น ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อรา และโรคปอดบวม

การแปรงขน
หมาบางแก้ว เป็นสุนัขที่ไม่ต้องดูแลขนเป็นพิเศษเหมือนสุนัขพันธุ์ขนยาว เพียงแค่ต้องการการแปรงขนบ่อย ๆ เพื่อให้สุขภาพขนดีและผิวหนังสดชื่นอยู่เสมอ การแปรงขนยังเป็นการช่วยนวดให้ต่อไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี และยังเป็นการขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังด้วย
เริ่มด้วยการใช้ถุงมือแปรงขนสวมมือแล้วลูบให้ทั่วตัว เพื่อกำจัดขนที่ร่วงและหมดอายุแล้วออกไป ใช้หวีค่อย ๆ สางขนที่ติดพันกันออกเสียก่อน แปรงขนให้ทั่วทั้งตัว เริ่มจากศีรษะ ต้นคอ ลำตัว ใต้ท้อง บริเวณขาหน้า ขาหลัง ไปจนถึงหาง ปฏิบัติกับสุนัขด้วยความอ่อนโยน แปรงตามเส้นขนลงไปเสมอ ไม่แปรงสวนทิศทางของขน เพื่อสุขภาพที่ดีควรแปรงขนวันละครั้ง เพื่อให้ผิวหนังสดชื่น
หลังจากแปรงขนเสร็จ ใส่ถุงมือที่ปล่อยให้นิ้วโผล่ เพื่อนวดหนังมัน โดยใช้ครีมนวด (ลาโนลีน) โดยแต้มครีมนวดบนฝ่ามือ ถูมือแล้วลูบไปบนขน ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมผลิตน้ำมันใต้ผิวหนัง น้ำมันเหล่านี้จะช่วยป้องกันหนังและขนให้พ้นจากแสงแดดและลมที่อยู่รอบตัว หรือคุณอาจใช้มือนวดไปที่หนังของมันน้ำมันธรรมชาติจากมือคุณจะถ่ายทอดไปยังหนังและขนทำให้ขนเป็นประกายเงางาม ดูเป็นสุนัขที่มีสุขภาพดี แต่ถ้านวดด้วยครีมนวดจะเห็นผลเร็วกว่า เสร็จแล้วใช้ผ้านิ่ม ๆ เช่น ผ้าขนสัตว์ของสุนัข ผ้าไหม หรือผ้าต่วนลูบ ขนจะแลดูสวยงามยิ่งขึ้น
ถ้าคุณต้องการเห็นขนของสุนัขสวยอยู่ตลอดเวลา การให้วิตามินต่าง ๆ จะเป็นสิ่งที่จำเป็น วิตามินจะช่วยให้ขนไม่ร่วง นอกจากการร่วงตามปกติปีละครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุที่ความร่างเริงของมัน ทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานของมันสูง มันจึงไม่อาจจะคงพละกำลังไว้พร้อม ๆ กับรักษาขนให้มีสีสดสวยได้พร้อม ๆ กัน เว้นเสียแต่จะให้วิตามินและแร่ธาตุแก่มันอย่างเพียงพอ และให้โปรตีนและไขมันอย่างได้สัดส่วน
การดูแลเล็บ (การตัดเล็บ)
สุนัขที่เลี้ยงปล่อยวิ่งเล่นตามสนามหญ้าหรือพื้นปูนซีเมนต์ โดยทั่วไปแล้วเล็บจะสึกหรอเอง โดยการเสียดสีกับพื้น ซึ่งไม่ต้องตัดให้เสียเวลา อย่างมากก็แค่เล็มให้เสมอกับส่วนที่สึกหรอกว่า ส่วนสุนัขที่เลี้ยงบนพื้นไม้ในบ้านหรือปูพรม จะมีเล็บยาวเร็วกว่าปกติ ทำให้สุนัขเดินไม่สะดวก และเมื่อทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้นิ้วคดหรือแยกออกจากกัน ดูไม่สวยงาม ถ้าเล็บถอนหรือตะกุยตะกายเจ้าของ เบาะ หรือประตู จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนเป็นแผล ดังนั้นจึงควรตัดเล็บทุก ๆ เดือน
ขั้นตอนในการตัดเล็บ ให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขและไฟฉาย นำสุนัขวางลงบนพื้นข้าง ๆ เรา ดึงขามาข้างหนึ่ง เอาไฟฉายส่องใต้เล็บให้สามารถมองเห็นเนื้อสีชมพูภายในเล็บได้อย่างชัดเจน ควรตัดให้ห่างจากบริเวณนี้ประมาณ 2 มิลลิเมตร ถ้าไม่แน่ใจอาจตัดห่างกว่านี้ก็ได้ ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ตัดลึกเข้าไปถึงส่วนที่มีเส้นเลือดปรากฏอยู่ ถ้าเกิดตัดพลาดไปโดนส่วนนี้เข้า จะทำให้สุนัขเจ็บปวดมาก ต้องห้ามเลือดโดยการใช้แห้งห้ามเลือด หรือใช้สำลีชุมทิงเจอร์ไอโอดีนกดไว้ที่ปลายเล็บแน่น ๆ เลือดก็จะหยุดไหลไปเอง ยิ่งถ้าสุนัขของคุณมีเล็บสีเข้มคุณยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เพราะสังเกตได้ยาก ถ้าจะให้ดีควรตัดเล็บสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าเริ่มชำนาญกับการตัดเล็บแล้ว ควรทำหลังจากตัดแต่งขนเลย หรือจะตัดหลังการอาบน้ำก็ได้ เพราะเล็บที่เปียกน้ำอยู่จะอ่อนตัวง่ายกว่าธรรมดา
การดูแลใบหู
ควรระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่หูสุนัข เช่น สบู่ น้ำ ของแข็ง หมัด หรือเห็บ เข้าไปในรูหูสุนัข เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่หูของสุนัข เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่หูของสุนัข นานไปก็จะทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับหู เช่น หนองหรือฝี ปกติหูมีการสร้างขี้หูออกมาตลอดเวลา เพราะธรรมชาติสสร้างมาให้ขับสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมที่อาจหลงเข้าไปอยู่ภายในหใออกสู่ภายนอกได้ สุนัขบางตัวมีขี้หูมากบางตัวมีน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละตัวไป เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ต้องหมั่นตรวจดูด้วยสายตาว่ามีคราบไคลของขค้หูมากน้อยแค่ไหน มีหนองออกมาหรือไม่ ไม่มีเห็บหรือหมัด ไม่เป็นแผล
การดูแลรักษาใบหูที่ดีจะทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องโรคผิวหนังตามมา ดังนั้นจึงควรเช็ดทำความสะอาดใบหูทุกวัน ส่วนวิธีการทำความสะอาดช่องหู โดยใช้แป้งถอนขนหูใส่แล้วใช้มือดึงขนในช่องหูออกให้หมด หลังจากนั้นใช้สำลีหรือคอตตอนบัดจุ่มน้ำยาเช็ดหู เช็ดในช่องหูให้สะอาด ควรจะทำความสะอาดหูทุก ๆ สัปดาห์ ถ้าเป็นแผล หรือตุ่มควรรีบรักษาก่อนที่จะเป็นมากจนหูไม่สวย
การดูแลตา
ตาของสุนัขที่มีสุขภาพดีจะมีแววตาที่แจ่มใส ไม่ขุ่นมัวหรือมีสีแดง ไม่ควรจะมีขี้ตาแฉะหรือเกรอะกรัง รวมทั้งไม่มีน้ำตาไหลเป็นคราบ ถ้าพบเห็นอาการดังกล่าวให้ใช้น้ำยาล้างตาหยดลงไปบนผิวกระจกตา 4-5 หยด เป็นระยะ ๆ เพื่อให้น้ำยาล้างตาชะเอาสิ่งที่ก่อความระคายเคืองออกไป รวมทั้งเศษขี้ตาด้วย ถ้าเป็นโรคตาอักเสบธรรมดาเพราะผงเข้าตา ควรล้างตาด้วยกรดบอริคอ่อน ๆ เช็ด รอบ ๆ ตาด้วยน้ำอุ่น ๆ และหยดยารักษา ถ้ามีคราบน้ำตาไหลเป็นรอยคราบติดแน่นอยุ่ที่สองข้างหัวตาย้อยมาถึงมุมปาก ติดขนและผิวหนังแน่นก็อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดคราบน้ำตาเช็ดทำความสะอาด หรือหมั่นคอยเช็ดถูให้บ่อยครั้ง ขนที่ติดคราบน้ำตาอยู่จะค่อย ๆ หลุดร่วงไปจนขนใหม่ที่ไม่มีคราบน้ำตาขึ้นมาแทนที่
การดูแลฟัน
เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพเหงือกและฟันของสุนัขให้ดี เราควรแปรงฟันให้กับสุนัขเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันนุ่ม ๆ (แปรงสีฟันเก่า ๆ ที่ไม่ใช้แล้วก็ได้) และยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ แปรงให้กับสุนัขเพื่อป้องกันการเกิดทาร์ทาร์ (Tartar) หรือคราบหินปูน เป็นสารสีเหลือง ๆ เกาะฟันสุนัข ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคเหงือกและฟัน และยังทำให้ปากเหม็นอีกด้วย คราบหินปูนเหล่านี้ถ้าไม่รีบกำจัดออก จะเป็นปัญหามากขึ้นสำหรับสุนัขที่อายุมาก จะทำให้เกิดความรำคาญ ทำให้อารมณ์ไม่ดีเอาง่าย ๆ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์
อื่น ๆ เพิ่มเติม
หลังกินอาหารเสร็จ ควรเช็ดถูบริเวณปากให้สะอาดด้วยผ้า เพราะอาจมีคราบสกปรกของอาหารหลงเหลืออยู่ ส่วนขนที่บริเวณอุ้งเท้าและบริเวณใบหน้าให้ใช้กรรไกรเล็มออกบ้าง
การเลี้ยงสุนัขไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์อะไรก็ตาม ทุกพันธุ์ต้องการการดูแลเหมือน ๆ กัน เพราะถ้าขาดการดูแลที่ดี สุนัขก็จะไม่สวยงามอย่างที่เราต้องการ
เรื่อง  ..  การออกกำลังกาย

จุดประสงค์ที่สุนัขควรได้รับการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อจะช่วยลดน้ำหนักสุนัขที่มีน้ำหนักมากเกินไป ช่วยลดอาการเครียด และช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อและรูปร่าง นอกจากนี้การออกกำลังจากเป็นประจำ ยังทำให้สุนัขว่องไวกระฉับกระเฉง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสุนัขพันธุ์นี้
ควรพาสุนัขเดินและวิ่งเหยาะ ๆ ประมาณวันละ 8-10 กิโลเมตร เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ถ้ามีโอกาสควรพาออกไปวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะ ตามสนามเด็กเล็กบ้าง หลังจากถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านมาเป็นเวลานาน เพราะสุนัขอาจเกิดอาการเครียดได้ ขณะพาสุนัขออกไปให้ใช้สายจูง การพาสุนขไปโดยปราศจากสายจูง ต้องแน่ใจว่าสถานที่นั้น ๆ ปลอดคน หรือมั่นใจว่าจะควบคุมมันได้ในทุกกรณี เพื่อป้องกันสุนัขทำร้ายผู้คน สัตว์เลี้ยง และสิ่งของอื่น ๆ เมื่อถึงที่ค่อยปลดสายจูงออก ปล่อยให้วิ่งเล่นตามสบาย หรือเราจะเล่นหรือทำกิจกรรมร่วมกับสุนัขของเราก็ได้ เป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคุณกับสุนัข ทำให้สุขภาพจิตทั้งคนและสุนัขดีไปตาม ๆ กัน
สุนัขจะแสดงอาการคึกคักขึ้นมาทันที การออกกำลังกายจะทำให้ไขมันในร่างกายถูกเผาผลาญ สุนัขจะมีรูปร่างที่สวยงามเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ พึงจำไว้เสมอว่า อย่าให้สุนัขออกกำลังกายหลังจากเพิ่งกินอาหารอิ่ม และอย่าผลักดันให้สุนัขต้องออกกำลังกายมากเกินไป หรือเกินกำลังของสุนัข ในการปรับสภาพของสุนัขวัยรุ่น หรือสุนัขที่ยังไม่ค่อยกระฉับกระเฉง การออกกำลังกายควรค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราไม่ควรให้สุนัขออกกำลังกายอย่างหักโหม และเมื่อออกกำลังเสร็จแล้วให้สุนัขค่อย ๆ พักผ่อน หรือค่อย ๆ ลดคามหนักหน่วงของการออกกำลังลงก่อนที่จะให้สุนัขหยุดพัก และรอจนกว่าอัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติดีแล้วค่อยพากลับบ้าน
ความต้องการการออกกำลังกายของสุนัข ต้องเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนตามอายุ สุนัขที่แก่แล้วก็ต้องการเป็นที่รัก และก็ยังต้องการไปไหนมาไหนกับนายอยู่ สุนัขแก่ ๆ ไม่ควรใช้สมองมากเกินกำหนด แต่การที่ได้ทำอะไรบ้างสักเล็กน้อย ก็ทำให้สุนัขแก่ ๆ ชุ่มชื่นขึ้นบ้าง ถ้าตอนที่มันยังเล็ก ๆ อยู่ คุณไม่ได้เลี้ยงมันดีจนเกินไป จนกระทั่งมันอ้วน และให้มันได้ออกกำลังกายพอประมาณแล้ว เมื่ออายุมากขึ้นมันก็ยังสามารถออกกำลังกายได้อีกอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีอาการหอบแฮก ๆ ปรากฏให้เห็น
การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ บวกกับการให้อาหารที่มีคุณภาพดี และดูแลทำความสะอาดเสริมสวยเป็นประจำ จะช่วยให้สุนัขที่เป็นที่รักของคุณอยู่เป็นเพื่อนที่แสนดีของคุณไปอีกนาน







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น