วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มุมเฮฮาของหมาบ้านเราเอง

หมาน้อยบ้านเราเอง ตัวใหญ่ชื่อ ไอติม ส่วนตัวเล็กชื่อ ข้าวตัง
 หมาน้อยกำลังเล่นกันน่ารักมาก ><
คลิปนี้ ก็น้องหมาน้อยคู่เดิม =..= แต่หมาตังมันไม่ยอมเล่นด้วย อ่ะนะ



ความพิเศษ ของหมา หมา


เรื่อง  ..  ลักษณะพิเศษของสุนัขบอกอะไรได้บ้าง
ชาวจีนในสมัยโบราณ ได้เห็นลักษณะบางสิ่งในตัวสุนัข และเฝ้าสังเกตว่า สุนัขนั้นเป็นเช่นใด มีอุปนิสัยอย่างไรแล้วได้บันทึกเป็นสถิติไว้ให้ลูกหลานได้รู้และศึกษาต่อไปตราบจนทุกวันนี้
ชาวจีนในสมัยโบราณ   ได้ตั้งข้อสังเกตว่า   ขนใต้คางของสุนัขที่ยาวกว่าเส้นอื่นๆ ชาวจีนเรียกขนนี้ว่า เล้งบางตัวมีเส้นเดียว (เจ็กเล้ง) บางตัวมีตั้งแต่สองเส้นจนถึงห้าเส้น(หน่อเล้ง ซาเล้ง ซี่เล้ง    โหง่วเล้ง)นั้น จะมีอุปนิสัยต่างๆกันดังนี้
1. ใต้คางมีขนยาว 1 เส้น (เจ็กเล้ง)   จะมีอุปนิสัยดุร้าย กล้าหาญ คอยระวังตัว ฉลาด ว่องไว ชอบกัดมากกว่าการเห่าชอบจู่โจมศัตรูอย่างไม่ให้รู้ตัว เชื่องคนแปลกหน้าได้ยากไม่ขี้เล่น (มังกร) 
2. ใต้คางมีขนยาว 2 เส้น (หน่อเล้ง) จะมีอุปนิสัย ดุพอสมควร ชอบเห่าก่อนกัด ฉลาด ว่องไว คอยระวังตัวเชื่องคนแปลกหน้าได้ง่ายกว่า (เสือ)
3. ใต้คางมีขนยาว 3 เส้น (ซาเล้ง) จะมีอุปนิสัย ชอบเห่าฉลาดพอควร ดุเป็นบางครั้ง เชื่องคนได้ง่าย ขี้เล่น (สุนัข)
4. ใต้คางมีขนยาว 4 เส้น (ซี่เล้ง) จะมีอุปนิสัยเจ้าเล่ห์ ไม่ดุร้าย ชอบเห่าขู่ให้ศัตรูกลัวมากกว่า ขี้เล่น
เชื่องคนได้ง่าย ขี้ประจบ
5. ใต้คางมีขนยาว 5 เส้น (โหง่วเล้ง) จะมีอุปนิสัยเจ้าเล่ห์ ขี้อิจฉา ชอบกินทุกอย่างที่ขว้างหน้าเมื่อมีใครให้ของกินจะเชื่องทันที ปากเปราะชอบเห่าพร่ำเพรื่อ ขี้ขลาด ไม่ค่อยระวังตัวหมายเหตุ หากนับขนที่ยาวได้มากกว่า 5 เส้นขึ้นไปให้จัดไว้จำพวกเดียวกับขน 5 เส้นเสมอไป
ลักษณะพิเศษอื่นๆที่ควรทราบ

1. สุนัขที่มีปลายลิ้นดำ หรือดำทั้งลิ้น ชาวจีนเรียกโอวจิเก้า จัดเป็นสุนัขที่ดุ ไม่กลัวพิษงู จับงูเก่ง
2. สุนัขที่มีเล็บสีเดียวกันทั้ง 4 เท้า ชาวจีนเรียกฉ่วงเซ็กเหยียวเก้า เป็นสุนัขที่ดุมาก ฉลาด ว่องไว กล้าหาญเด็ดขาด
3. สุนัขที่มีหางตกโง้งคล้อยไปทิศทางใต้ท้องชาวจีนเรียกกั้งตี่บ๋วยเก้า จัดเป็นสุนัขอาภัพขี้ขลาด ไม่ว่องไวขี้เซา กินไม่เลือก
4. สุนัขที่มี จุดกลมที่หัวคิวทั้งสอง ชาวจีนเรียกซี่หมักเก้า จัดเป็นสุนัขที่ฉลาด ดุปานกลาง ว่องไว วิ่งเร็วมาก
5. สุนัขที่มีหางแหลม ชาวจีนเรียก ทิเต็งบ๋วยเก้า เมื่อเราใช้มีกำปลายหางให้ปลายหางโผล่ออกมาประมาณ 1 - 2 นิ้ว แล้วขนที่ปลายหางยังเรียวแหลมเหมือนปลายตะปู สุนัขนั้นจะเกิดอุบัติเหตุ



เรื่องของหมา พันธุ์บางแก้ว -3-

เรื่อง  ..  ประวัติความเป็นมาของสุนัขพันธุ์ บางแก้ว

ข้อมูลจากตำนานบอกเล่าจากคนเก่าแก่บ้านบางแก้ว, บ้านชุม
แสงสงคราม สรุปได้ว่า แหล่งกำเนิดสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วอยู่ที่วัดบางแก้ว ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดย

หลวงพ่อมากซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดในขณะนั้น ท่านได้เลี้ยงสุนัขไว้มากมายไม่ต่ำกว่า 20 ตัว และแต่ละตัวนั้นสุดแสนที่จะดุ จน
เป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้านในระแวกนั้นว่า ถ้าใครเข้าไปที่วัดโดยไม่ส่งเสียงเรียกหลวงพ่อ ก็จะต้องถูกไล่กัดกระจุยแน่นอน ด้วยความดุของสุนัขเหล่านี้นี่เอง ทำให้ชาวบ้านนิยมขอลูกสุนัข
ไปเลี้ยงเฝ้าบ้าน จนแพร่พันธุ์ไปมากมายตามหมู่บ้านต่างๆ ด้วยความที่เป็นสุนัขที่ดุและหวงแหนทรัพย์สิน รักเจ้าของอย่างถวายหัว แถมยังมีขนยาวสวยงาม จึงทำให้เป็นที่นิยมกันในตั้งแต่อดีต แต่ในอดีตนั้นไม่มีการซื้อขาย แต่จะนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยน เช่นลูกปืนหรือสิ่งของอื่นๆ ที่ชาวบ้านจำเป็นต้องใช้ไปแลกกับลูกสุนัข หรือถ้าใครมีโอกาสผ่านไปยังบริเวณดังกล่าว ก็จะมีการนำสุนัขบางแก้ว มาเป็นของฝาก ของกำนัลให้กับเจ้านาย ซึ่งในปัจจุบันสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วได้รับการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องทำให้มีรูปร่างที่สวยงาม โครงสร้างใหญ่ ขนยาว กว่าในอดีต จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากและได้แพร่หลายออกไปทั่วประเทศ
เรื่อง  ..  ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์บางแก้ว

นิสัยของสุนัขบางแก้วนั้น จะมีนิสัยที่ร่าเริง ซุกซน อยากรู้อยากเห็น ดุ หวงของ หวงเจ้านาย ขี้อิจฉา ขี้อ้อน ประจบเก่ง เจ้าเล่ห์ อันนี้เป็นนิสัยพื้นฐานของสุนัขบางแก้ว ซึ่งในสุนัขบางแก้วเราสามารถที่จะพบเจอได้เสมอๆ ฉะนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลี้ยงสุนัขบางแก้ว ขอให้คุณศึกษานิสัยของสุนัขพันธุ์นี้ให้ดีเสียก่อน เพราะนิสัยของสุนัขจะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ การเลี้ยงดู และสายพันธุ์(การสืบทอดทางพันธุ์กรรม) การที่จะเลี้ยงสุนัขบางแก้วให้ได้ดีๆตัวหนึ่งนั้น จะต้องประกอบด้วย ผู้เลี้ยงที่ดีและสุนัขนั้นมีสายเลือดที่ดี ต้องมีทั้งสองส่วนประกอบกัน
     เมื่อเราคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วว่าเราต้องการจะเลี้ยงสุนัขบางแก้ว เราต้องเริ่มศึกษาถึงนิสัยและพฤติกรรมของเขาในแต่ละช่วงอายุ ต้องหาความรู้เรื่องวิธีเลี้ยงและต้องเลี้ยงอย่างถูกวิธี
ประการสำคัญก็คือ  ความรัก ความรู้สึกดีๆกับสุนัขพันธุ์บางแก้ว เท่านี้คุณก็จะเป็นผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้วที่มีคุณภาพคนหนึ่ง
    
นิสัยของสุนัขบางแก้วนั้น จะพื้นฐานนิสัยที่ไม่แตกต่างกันมากนัก คือ เป็นสุนัขที่หวาดระแวงและอาจนำมาซึ่งความดุ หวงของเล่น หวงของกิน หวงถิ่นที่อยู่ ขี้อิจฉา เจ้าเล่ห์ ขี้ประจบ เป็นนักทำลายของ ฯลฯ ในสุนัขบางแก้วตัวหนึ่งนั้นจะมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี ดังนั้นหากเราเลี้ยงให้ถูกวิธี รู้จักวิธีการป้องกันไม่ให้เขาแสดงนิสัยที่ไม่ดี เขาก็เป็นสุนัขที่ไม่มีปัญหา และเป็นสุนัขที่น่ารักมากๆสำหรับเราและครอบครัว
เรื่อง  ..  เอกลักษณ์ของสุนัขบางแก้ว

เอกลักษณ์ของสุนัขบางแก้ว
สุนัขบางแก้วเรานั้น เป็นสุนัขที่มีเอกลักษณ์พิเศษ และถือว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ ซึ่งจำเป็นต้องมีเอกลักษณ์เหล่านี้ จึงจะถือว่าเป็นสุนัขบางแก้วที่สวยสมบูรณ์และครบตามลักษณะของสุนัขบางแก้ว
1. ต้องมีแผงหน้า
2. ต้องมีขนหลังหู

3.
ต้องมีขนหน้าอก (เครา)
4. ต้องมีแข้งสิงห์(เป็นขนที่อยู่หลังขาหน้า)
5. ต้องมีขนท้อง
6. ต้องมีแผงหลัง(ผ้าคลุมไหล่)
7. ต้องมีกระโปรงท้าย
8. หางเป็นพวง
9. ลักษณะขน ต้องเป็นขนสองชั้น คือ มีชั้นซับในเป็นลักษณะขนสั้นๆ อ่อนนุ่ม และมีขนยาวปกคลุมอีกชั้นหนึ่ง
10. ลักษณะของตา จ้องเป็นสามเหลี่ยม คล้ายเม็ดอัลมอนด์
11. ลักษณะหูเป็นสามเหลี่ยมตั้ง ป้องไปข้างหน้า อยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม
สุนัขสายพันธุ์ไทยแท้ ขนสองชั้น หางเป็นพวง ขนที่แผงคอคล้ายสิงโต ฉลาด ไอคิวสูง ดุ และจงรักภักดีต่อผู้เป็นนาย
เรื่อง  ..  การสังเกตลูกสุนัข บางแก้ว

1. ลักษณะของลูกสุนัขที่ออกมาในช่วงแรกหูค่อนข้างจะเล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับลูกสุนัขไทย ทั่ว ๆ ไป กะโหลกศีรษะใหญ่ กระหม่อมแบนราบ หน้าผากโหนก มีขน 2 ชั้น
2. บางตัวมีสีดำแล้วจะค่อยเปลี่ยนเป็นสีสนิมเหล็กเมื่อโตขึ้น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากสายเลือด ของหมาไนที่ออกลูกเป็นสีดำในช่วงแรก แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดงสนิมเหล็ก
3. มีแนวของขนแผงคอเห็นได้อย่างชัดเจน โคนหางอวบใหญ่
4. มีลักษณะของแนวขนแข้งสิงห์ที่ด้านหลังของขาหน้า
5. ขาจะใหญ่และแข็งแรงกว่าสุนัขไทยทั่วไป
6. ขนยาวเป็นปุยนุ่มมือ มีลักษณะเป็นขนสองชั้น
7. เมื่อสุนัขโตขึ้นอายุประมาณ 1 เดือน จะมีนิสัยชอบเล่นน้ำและชอบอาบน้ำ ซึ่งแตกต่างไปจาก สุนัขไทยทั่วไป
8. หน้าแด่นหรือแบ่งเป็นเส้นจากปลายปากถึงกะโหลกศีรษะ ถ้ามีน้อยไม่ยาวมากเรียก "แด่น" แต่ถ้าเส้นยาวมีมากและแยกส่วนศีรษะออกเป็นสองส่วนแรก "แบ่ง"
9. ปลายปากแหลมเล็ก ปลายปากยาว (ขาวเป็นวงรอบปลายปาก) เรียกว่า "คาบแก้ว"
10. มีสีแต้มด่างตามมาตรฐาน
เรื่อง  ..  การดูแลสุนัขบางแก้ว

การอาบน้ำ
การที่จะรักษาขนของสุนัขให้สวยงามตลอดนั้นทำได้ไม่ยาก ผู้ที่เพิ่งเป็นเจ้าของสุนัข ส่วนใหญ่เชื่อว่าาจะต้องอาบน้ำทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างผิด ๆ การอาบน้ำเป็นประจำจะทำให้ขนเสีย ขนแห้ง ขนนิ่มบ้าง และขนร่วง การใช้โลชั่นและน้ำยาทำความสะอาดชนิดต่าง ๆ ติดต่อกัน ก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบได้ การดูแลขนให้สวยงามอยู่เสมอ เพียงแต่ใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่อุ่น ๆ ลูบ จากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้ง นับว่าเพียงพอที่จะทำให้ขนของมันอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยมแล้ว
ไม่ควรอาบน้ำถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แต่เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน สุนัขมีเหงื่อออกมาก ถ้ายิ่งปล่อยให้มันไปวิ่งซนนอกบ้านบ่อย ๆ ก็ยิ่งสกปรกเร็ว ควรพิจารณาดูจากสภาพของสุนัข เมื่อเห็นว่าขนเริ่มเหนียว สกปรก หรือมีกลิ่นเหม็นก็อาบน้ำให้สุนัขได้ ปกติควรเริ่มอาบน้ำเมื่ออายุ 3 เดือนขึ้นไป แต่หากได้สุนัขมาจากที่อื่น ควรพิจารณาจากสภาพว่าสกปรกมากน้อยแค่ไหน สุขภาพแข็งแรงหรือไม่ เห็บหมัดมากน้อยอย่างไร หากอยู่ในเกณฑ์พอสมควรเป็นไปได้ก็ให้รีบอาบน้ำเลย เพื่อป้องกันการระบาดของเห็บหมัด และรักษาโรคผิวหนังพร้อมกับการทำความสะอาด
สุนัขที่โตแล้วควรจะอาบน้ำทุก 3 ถึง 4 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมม การอาบน้ำควรอาบในเวลากลางวันที่มีแดดออก แต่ไม่ใช่กลางแสงแดด ควรเป็นแดดอ่อน ๆ จึงได้ผึ่งตัวให้แห้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ แชมพูที่ใช้อาบควรใช้แชมพูที่ผลิตมาเพื่อสุนัขโดยเฉพาะ เพราะการอาบน้ำจะดึงเอาน้ำมันตามธรรมชาติออกมา จึงไม่ควรใช้สบู่กรดหรือผงซักฟอก เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบได้ ขณะอาบน้ำต้องระวังไม่ได้ฟองสบู่เข้าตาหรือน้ำเข้าหูได้ อาจใช้สำลีอุดรูหูทั้งสองข้าง พร้อมกับใช้มือกดใบหูให้หลุบลงเพื่อป้องกันน้ำเข้า การอาบน้ำควรจะราดน้ำให้เปียกทั่วตัวก่อน แล้วจึงถูสบู่หรือแชมพูให้ทั่วตัว แชมพูบางชนิดมีคำแนะนำให้ทิ้งไว้นานเท่าใด เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้ปฏิบัติตามนั้น ควรฟอกสัก 2 ครั้ง จากนั้นล้างแชมพูออกให้หมด อาจใช้ครีมนวดเล็กน้อย เพื่อให้ขนเงางาม ล้างน้ำให้สะอาด 2-3 ครั้ง เอาสำลีที่อุดหูออก
หลังอาบน้ำเสร็จแล้วไล่น้ำที่ติดค้างตามขนออกให้มากที่สุด แล้วใช้ผ้าเช็ดตัว ต้องเช็ดตัวหรือใช้ไดร์เป่าผมเป่าขนให้แห้ง เพื่อป้องกันความอับชื้น ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อรา และโรคปอดบวม

การแปรงขน
หมาบางแก้ว เป็นสุนัขที่ไม่ต้องดูแลขนเป็นพิเศษเหมือนสุนัขพันธุ์ขนยาว เพียงแค่ต้องการการแปรงขนบ่อย ๆ เพื่อให้สุขภาพขนดีและผิวหนังสดชื่นอยู่เสมอ การแปรงขนยังเป็นการช่วยนวดให้ต่อไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี และยังเป็นการขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังด้วย
เริ่มด้วยการใช้ถุงมือแปรงขนสวมมือแล้วลูบให้ทั่วตัว เพื่อกำจัดขนที่ร่วงและหมดอายุแล้วออกไป ใช้หวีค่อย ๆ สางขนที่ติดพันกันออกเสียก่อน แปรงขนให้ทั่วทั้งตัว เริ่มจากศีรษะ ต้นคอ ลำตัว ใต้ท้อง บริเวณขาหน้า ขาหลัง ไปจนถึงหาง ปฏิบัติกับสุนัขด้วยความอ่อนโยน แปรงตามเส้นขนลงไปเสมอ ไม่แปรงสวนทิศทางของขน เพื่อสุขภาพที่ดีควรแปรงขนวันละครั้ง เพื่อให้ผิวหนังสดชื่น
หลังจากแปรงขนเสร็จ ใส่ถุงมือที่ปล่อยให้นิ้วโผล่ เพื่อนวดหนังมัน โดยใช้ครีมนวด (ลาโนลีน) โดยแต้มครีมนวดบนฝ่ามือ ถูมือแล้วลูบไปบนขน ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมผลิตน้ำมันใต้ผิวหนัง น้ำมันเหล่านี้จะช่วยป้องกันหนังและขนให้พ้นจากแสงแดดและลมที่อยู่รอบตัว หรือคุณอาจใช้มือนวดไปที่หนังของมันน้ำมันธรรมชาติจากมือคุณจะถ่ายทอดไปยังหนังและขนทำให้ขนเป็นประกายเงางาม ดูเป็นสุนัขที่มีสุขภาพดี แต่ถ้านวดด้วยครีมนวดจะเห็นผลเร็วกว่า เสร็จแล้วใช้ผ้านิ่ม ๆ เช่น ผ้าขนสัตว์ของสุนัข ผ้าไหม หรือผ้าต่วนลูบ ขนจะแลดูสวยงามยิ่งขึ้น
ถ้าคุณต้องการเห็นขนของสุนัขสวยอยู่ตลอดเวลา การให้วิตามินต่าง ๆ จะเป็นสิ่งที่จำเป็น วิตามินจะช่วยให้ขนไม่ร่วง นอกจากการร่วงตามปกติปีละครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุที่ความร่างเริงของมัน ทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานของมันสูง มันจึงไม่อาจจะคงพละกำลังไว้พร้อม ๆ กับรักษาขนให้มีสีสดสวยได้พร้อม ๆ กัน เว้นเสียแต่จะให้วิตามินและแร่ธาตุแก่มันอย่างเพียงพอ และให้โปรตีนและไขมันอย่างได้สัดส่วน
การดูแลเล็บ (การตัดเล็บ)
สุนัขที่เลี้ยงปล่อยวิ่งเล่นตามสนามหญ้าหรือพื้นปูนซีเมนต์ โดยทั่วไปแล้วเล็บจะสึกหรอเอง โดยการเสียดสีกับพื้น ซึ่งไม่ต้องตัดให้เสียเวลา อย่างมากก็แค่เล็มให้เสมอกับส่วนที่สึกหรอกว่า ส่วนสุนัขที่เลี้ยงบนพื้นไม้ในบ้านหรือปูพรม จะมีเล็บยาวเร็วกว่าปกติ ทำให้สุนัขเดินไม่สะดวก และเมื่อทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้นิ้วคดหรือแยกออกจากกัน ดูไม่สวยงาม ถ้าเล็บถอนหรือตะกุยตะกายเจ้าของ เบาะ หรือประตู จะทำให้เกิดรอยขีดข่วนเป็นแผล ดังนั้นจึงควรตัดเล็บทุก ๆ เดือน
ขั้นตอนในการตัดเล็บ ให้ใช้กรรไกรตัดเล็บสำหรับสุนัขและไฟฉาย นำสุนัขวางลงบนพื้นข้าง ๆ เรา ดึงขามาข้างหนึ่ง เอาไฟฉายส่องใต้เล็บให้สามารถมองเห็นเนื้อสีชมพูภายในเล็บได้อย่างชัดเจน ควรตัดให้ห่างจากบริเวณนี้ประมาณ 2 มิลลิเมตร ถ้าไม่แน่ใจอาจตัดห่างกว่านี้ก็ได้ ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ตัดลึกเข้าไปถึงส่วนที่มีเส้นเลือดปรากฏอยู่ ถ้าเกิดตัดพลาดไปโดนส่วนนี้เข้า จะทำให้สุนัขเจ็บปวดมาก ต้องห้ามเลือดโดยการใช้แห้งห้ามเลือด หรือใช้สำลีชุมทิงเจอร์ไอโอดีนกดไว้ที่ปลายเล็บแน่น ๆ เลือดก็จะหยุดไหลไปเอง ยิ่งถ้าสุนัขของคุณมีเล็บสีเข้มคุณยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เพราะสังเกตได้ยาก ถ้าจะให้ดีควรตัดเล็บสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าเริ่มชำนาญกับการตัดเล็บแล้ว ควรทำหลังจากตัดแต่งขนเลย หรือจะตัดหลังการอาบน้ำก็ได้ เพราะเล็บที่เปียกน้ำอยู่จะอ่อนตัวง่ายกว่าธรรมดา
การดูแลใบหู
ควรระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่หูสุนัข เช่น สบู่ น้ำ ของแข็ง หมัด หรือเห็บ เข้าไปในรูหูสุนัข เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่หูของสุนัข เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองแก่หูของสุนัข นานไปก็จะทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับหู เช่น หนองหรือฝี ปกติหูมีการสร้างขี้หูออกมาตลอดเวลา เพราะธรรมชาติสสร้างมาให้ขับสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมที่อาจหลงเข้าไปอยู่ภายในหใออกสู่ภายนอกได้ สุนัขบางตัวมีขี้หูมากบางตัวมีน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละตัวไป เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ต้องหมั่นตรวจดูด้วยสายตาว่ามีคราบไคลของขค้หูมากน้อยแค่ไหน มีหนองออกมาหรือไม่ ไม่มีเห็บหรือหมัด ไม่เป็นแผล
การดูแลรักษาใบหูที่ดีจะทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องโรคผิวหนังตามมา ดังนั้นจึงควรเช็ดทำความสะอาดใบหูทุกวัน ส่วนวิธีการทำความสะอาดช่องหู โดยใช้แป้งถอนขนหูใส่แล้วใช้มือดึงขนในช่องหูออกให้หมด หลังจากนั้นใช้สำลีหรือคอตตอนบัดจุ่มน้ำยาเช็ดหู เช็ดในช่องหูให้สะอาด ควรจะทำความสะอาดหูทุก ๆ สัปดาห์ ถ้าเป็นแผล หรือตุ่มควรรีบรักษาก่อนที่จะเป็นมากจนหูไม่สวย
การดูแลตา
ตาของสุนัขที่มีสุขภาพดีจะมีแววตาที่แจ่มใส ไม่ขุ่นมัวหรือมีสีแดง ไม่ควรจะมีขี้ตาแฉะหรือเกรอะกรัง รวมทั้งไม่มีน้ำตาไหลเป็นคราบ ถ้าพบเห็นอาการดังกล่าวให้ใช้น้ำยาล้างตาหยดลงไปบนผิวกระจกตา 4-5 หยด เป็นระยะ ๆ เพื่อให้น้ำยาล้างตาชะเอาสิ่งที่ก่อความระคายเคืองออกไป รวมทั้งเศษขี้ตาด้วย ถ้าเป็นโรคตาอักเสบธรรมดาเพราะผงเข้าตา ควรล้างตาด้วยกรดบอริคอ่อน ๆ เช็ด รอบ ๆ ตาด้วยน้ำอุ่น ๆ และหยดยารักษา ถ้ามีคราบน้ำตาไหลเป็นรอยคราบติดแน่นอยุ่ที่สองข้างหัวตาย้อยมาถึงมุมปาก ติดขนและผิวหนังแน่นก็อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดคราบน้ำตาเช็ดทำความสะอาด หรือหมั่นคอยเช็ดถูให้บ่อยครั้ง ขนที่ติดคราบน้ำตาอยู่จะค่อย ๆ หลุดร่วงไปจนขนใหม่ที่ไม่มีคราบน้ำตาขึ้นมาแทนที่
การดูแลฟัน
เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพเหงือกและฟันของสุนัขให้ดี เราควรแปรงฟันให้กับสุนัขเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันนุ่ม ๆ (แปรงสีฟันเก่า ๆ ที่ไม่ใช้แล้วก็ได้) และยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ แปรงให้กับสุนัขเพื่อป้องกันการเกิดทาร์ทาร์ (Tartar) หรือคราบหินปูน เป็นสารสีเหลือง ๆ เกาะฟันสุนัข ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคเหงือกและฟัน และยังทำให้ปากเหม็นอีกด้วย คราบหินปูนเหล่านี้ถ้าไม่รีบกำจัดออก จะเป็นปัญหามากขึ้นสำหรับสุนัขที่อายุมาก จะทำให้เกิดความรำคาญ ทำให้อารมณ์ไม่ดีเอาง่าย ๆ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์
อื่น ๆ เพิ่มเติม
หลังกินอาหารเสร็จ ควรเช็ดถูบริเวณปากให้สะอาดด้วยผ้า เพราะอาจมีคราบสกปรกของอาหารหลงเหลืออยู่ ส่วนขนที่บริเวณอุ้งเท้าและบริเวณใบหน้าให้ใช้กรรไกรเล็มออกบ้าง
การเลี้ยงสุนัขไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์อะไรก็ตาม ทุกพันธุ์ต้องการการดูแลเหมือน ๆ กัน เพราะถ้าขาดการดูแลที่ดี สุนัขก็จะไม่สวยงามอย่างที่เราต้องการ
เรื่อง  ..  การออกกำลังกาย

จุดประสงค์ที่สุนัขควรได้รับการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อจะช่วยลดน้ำหนักสุนัขที่มีน้ำหนักมากเกินไป ช่วยลดอาการเครียด และช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อและรูปร่าง นอกจากนี้การออกกำลังจากเป็นประจำ ยังทำให้สุนัขว่องไวกระฉับกระเฉง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสุนัขพันธุ์นี้
ควรพาสุนัขเดินและวิ่งเหยาะ ๆ ประมาณวันละ 8-10 กิโลเมตร เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ถ้ามีโอกาสควรพาออกไปวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะ ตามสนามเด็กเล็กบ้าง หลังจากถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านมาเป็นเวลานาน เพราะสุนัขอาจเกิดอาการเครียดได้ ขณะพาสุนัขออกไปให้ใช้สายจูง การพาสุนขไปโดยปราศจากสายจูง ต้องแน่ใจว่าสถานที่นั้น ๆ ปลอดคน หรือมั่นใจว่าจะควบคุมมันได้ในทุกกรณี เพื่อป้องกันสุนัขทำร้ายผู้คน สัตว์เลี้ยง และสิ่งของอื่น ๆ เมื่อถึงที่ค่อยปลดสายจูงออก ปล่อยให้วิ่งเล่นตามสบาย หรือเราจะเล่นหรือทำกิจกรรมร่วมกับสุนัขของเราก็ได้ เป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคุณกับสุนัข ทำให้สุขภาพจิตทั้งคนและสุนัขดีไปตาม ๆ กัน
สุนัขจะแสดงอาการคึกคักขึ้นมาทันที การออกกำลังกายจะทำให้ไขมันในร่างกายถูกเผาผลาญ สุนัขจะมีรูปร่างที่สวยงามเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ พึงจำไว้เสมอว่า อย่าให้สุนัขออกกำลังกายหลังจากเพิ่งกินอาหารอิ่ม และอย่าผลักดันให้สุนัขต้องออกกำลังกายมากเกินไป หรือเกินกำลังของสุนัข ในการปรับสภาพของสุนัขวัยรุ่น หรือสุนัขที่ยังไม่ค่อยกระฉับกระเฉง การออกกำลังกายควรค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราไม่ควรให้สุนัขออกกำลังกายอย่างหักโหม และเมื่อออกกำลังเสร็จแล้วให้สุนัขค่อย ๆ พักผ่อน หรือค่อย ๆ ลดคามหนักหน่วงของการออกกำลังลงก่อนที่จะให้สุนัขหยุดพัก และรอจนกว่าอัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติดีแล้วค่อยพากลับบ้าน
ความต้องการการออกกำลังกายของสุนัข ต้องเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนตามอายุ สุนัขที่แก่แล้วก็ต้องการเป็นที่รัก และก็ยังต้องการไปไหนมาไหนกับนายอยู่ สุนัขแก่ ๆ ไม่ควรใช้สมองมากเกินกำหนด แต่การที่ได้ทำอะไรบ้างสักเล็กน้อย ก็ทำให้สุนัขแก่ ๆ ชุ่มชื่นขึ้นบ้าง ถ้าตอนที่มันยังเล็ก ๆ อยู่ คุณไม่ได้เลี้ยงมันดีจนเกินไป จนกระทั่งมันอ้วน และให้มันได้ออกกำลังกายพอประมาณแล้ว เมื่ออายุมากขึ้นมันก็ยังสามารถออกกำลังกายได้อีกอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีอาการหอบแฮก ๆ ปรากฏให้เห็น
การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ บวกกับการให้อาหารที่มีคุณภาพดี และดูแลทำความสะอาดเสริมสวยเป็นประจำ จะช่วยให้สุนัขที่เป็นที่รักของคุณอยู่เป็นเพื่อนที่แสนดีของคุณไปอีกนาน







พูดจาภาษาหมา 2


เรื่อง  ..  การส่ายหางของสุนัขบอกอะไรคุณ
กระดิกไปมา...แสดงว่า ดีใจ,ร่าเริง,มีความสุข,ยิ้ม
สะบัดแรงจนก้นส่าย...แสดงว่า ดีใจ(กว่า),ร่าเริง(กว่า),ตื่นเต้น,คึก
หมุนควงสว่าน...แสดงว่า ดีใจเวอร์,หรือไม่ก็งง ประมาณว่า นี้เราดีใจเรื่องอะไร
หางตก...แสดงว่า กลัว,จ๋อย,หงอย,เศร้า,แห้ว,สูญเสียความมั่นใจ ฯลฯ
ฟูเป็นหางกระรอกตั้งชี้...แสดงว่า ตกใจ,ตื่นกลัว,พยายาม Bluff คู่ต่อสู้
ส่ายช้าๆหรือแกว่งขนานกับพื้น...แสดงว่า Happy,อารมณ์ดี,หรือไม่ก็ปิ๊ง "รัก"

 เรื่อง  ..  สีหน้าของสุนัขกำลังบอกอะไรคุณ
การแสดงออกโดยสีหน้า
 การแสดงออกโดยสีหน้าก็คล้ายกับคน เราค่อนข้างจะคุ้นเคยกับภาษาที่สื่อกันชนิดนี้กันอยู่แล้ว อาจแสดงออกทาง
    สายตา การแยกเขี้ยว โดยการทำหูลีบไปข้างหลังก็จะแปลความหมายได้ตามสถานการณ์ในขณะนั้น

 
เรื่อง  ..  กฎทองของสุนัข
1. ชีวิตของฉัน อย่างมากก็สิ้นสุดเพียงแค่ 10-15 ปีเท่านั้น การต้องแยกจากเธอไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ นับเป็นความปวดร้าวอย่างยิ่งของฉัน จึงโปรดคิดสักนิด ...ก่อนจะรับฉันเข้ามาในชีวิต

2.ให้เวลาฉันสักหน่อย เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจน ว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน

3. จงเชื่อมั่นในตัวฉัน เพราะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับความเป็นอยู่ของฉัน
4. อย่าโกรธฉันให้นานนัก และอย่าลงโทษฉันด้วยการกักขัง ...เธอมีทั้งหน้าที่การงาน ความบันเทิง และมิตรสหาย แต่ฉันนั้น...มีเพียงเธอ

5. พูดกับฉันบ้าง แม้ฉันจะไม่เข้าใจในคำพูด แต่ฉันก็เข้าใจเธอได้จากน้ำเสียง

6.พึงระลึกอยู่เสมอว่า ไม่ว่าเธอจะปฏิบัติอย่างไรกับฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมเลือน

7. โปรดอย่าทุบตีฉัน เพราะแม้ฉันจะทุบตีเธอกลับไม่ได้ แต่ฉันก็สามารถกัดหรือข่วนตะกุยเธอได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากกระทำเธอเลย

8. ก่อนจะดุด่าฉันสำหรับท่าทีที่คล้ายไม่เชื่อฟัง ดื้อดึง เกียจคร้าน ขอจงได้ถามตัวเองก่อนว่า เกิดสิ่งผิดปรกติกับตัวฉันหรือไม่ บางทีอาจเกิดจากเรื่องของอาหาร ถูกทอดทิ้งไว้นานเกินไป หรือหัวใจฉันแก่ชราและอ่อนล้า


9. ดูแลฉันเมื่อยามแก่เฒ่าด้วย เพราะวันหนึ่งเธอต้องเป็นเช่นนั้น

10.อยู่กับฉันเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง ขออย่าได้พูดเป็นอันขาดว่า ... ฉันทนดูไม่ได้ ขออย่าให้มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเลย เพราะเรื่องราวทั้งหมดง่ายขึ้น...หากเธออยู่ด้วย สุดท้ายโปรดรำลึกเสมอว่า...ฉันรักเธอ




วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เฮฮาและพูดจาภาษาหมา



เรื่อง  ..  การตั้งชื่อสุนัขบอกอะไรเกี่ยวกับคุณ
สุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิต เพราะความน่ารัก ความขี้ปรสุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิต เพราะความน่ารัก ความขี้ประจบของมันทำให้หลายต่อหลายคนยอมแบกภาระนำมันมาเลี้ยงดูที่บ้าน และตั้งชื่อให้เจ้าสุนัขตัวโปรดนี่แหละสามารถบอกถึงลักษณะนิสัยของเจ้าของสุนัขได้จริง ๆ

ถ้าเจ้าของตั้งชื่อเจ้าสุนัขตัวโปรดออกแนวการ์ตูนดัง ๆ ทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็นโดเรมอน มิกกี้-มินนี่เม้าส์ เคโระ แสดงว่าเจ้าของสุนัขเป็นพวกไอเดียบรรเจิด มีความฝันและจินตนาการสุดยอด ถึงแม้จะโตแล้วแต่หัวใจก็ยัง มีความเป็นเด็กอยู่เสมอ
อยากให้สุนัขโกอินเตอร์เลยตั้งชื่อออกไปทางชาติตะวันตก
อย่าง ดิกกี้ จิมมี่ แม็ค โรเบิร์ต แสดงว่าเจ้าของเป็นพวกรักอิสระมีความคิดนอกกรอบ ชอบท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ ตามที่ใจอยาก ให้ความสำคัญกับความสุขในชีวิตมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง
บ้าคนดัง บ้าดารา ทั้งไทยและเทศเลยนำมาตั้งชื่อสุนัขมันซะเลย
ไม่ว่าจะเป็น เจนนิเฟอร์ เบคแคม สตอลโลน แสดงว่าเจ้าของเป็นหนุ่มสาวสังคมจัด เข้ากับผู้คนรอบข้างได้ง่าย ชอบความหรูหราฟู่ฟ่า และให้ความสนใจกับสิ่งรอบ ๆ ตัวเป็นพิเศษ
แต่ถ้าชอบตั้งชื่อเหมือนคนแต่ไม่ ใช่คนดังหรือดารา
เช่น สุชาติ อมร สมชาย ประมาณนี้ เจ้าของสุนัขจะเป็นคนที่อารมณ์ดี มีความสนุกสนานอยู่ในตัวตลอดเวลา มีน้ำใจ ไม่มีพิธีรีตองมากนัก แต่ก็อาจจะเขม่นคนหรือหมั่นไส้คนง่ายไปสักหน่อย หากมีใครมาขัดใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือเป็นพิษเป็นภัยกับใคร
ตั้งชื่อสุนัขออกแนวโบราณ
อย่าง ลำดวน ทองเปลว บุญทิ้ง ไม่ได้แสดงว่าเจ้าของจะเป็นคนหัวโบราณเหมือนชื่อสุนัขหรอกนะ แต่กลับตรงกันข้ามแสดงถึงความมีสติปัญญาปราดเปรื่อง ชอบค้นคว้าหาความรู้ใส่ตัวเอง เป็นพวกไม่ตกเทรนด์ แต่ไม่ชอบทำตัวเหมือน ใคร จึงมักจะเห็นว่าเค้าทำอะไรแตกต่างจากชาวบ้านอยู่บ่อย ๆ
ตั้งชื่อออกแนวโหดหรือน่ากลัว
เช่น เอ็มสิบหก คอมแบท ยักษ์ เป็นต้น แสดงว่าเจ้าของสุนัขจะชอบทำกิจกรรมสนุก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เล่นกีฬา การแข่งขัน ต่าง ๆ ออกจะเป็นพวกไฮเปอร์อยู่ไม่สุข นิ่งไม่เป็น และยังเป็นคนกล้าคิดกล้าทำ ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจใน ตัวเองนัก


เอาขนมหรืออาหารมาตั้งชื่อสุนัข

ทั้งหมูแดง เกาหลา ทองหยิบ ขนมครก ตั้งชื่อออกแนวของกินอย่างนี้ แสดงว่าเจ้าของสุนัขจะเป็นคนใจดีและใจอ่อน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และมักจะเป็นศิราณีที่คอยให้คำปรึกษาเพื่อน ๆ เวลามีปัญหา แต่ก็เป็นคนดุและดื้อในบางครั้ง

ตั้งชื่อสุนัขตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
อย่างสุนัขตัวโตมากแต่ตั้งชื่อว่าปุยนุ่น หรือสีดำแต่ดันชื่อสำลี แบบนี้แสดงว่าเจ้าของจะเป็นพวกไม่ธรรมดา ชอบมีอะไรมาเซอร์ไพร้ส์หรือเรื่องเด็ด ๆ มาทำให้เพื่อนวุ่นวายได้เสมอ มีนิสัยห้าว ๆ และคะนอง ออกจะมีความคิดขวางโลก ก็ไม่เคยคิดร้ายใครก่อน...
เรื่อง  ..  การเห่าของสุนัขบอกอะไรคุณ
การสื่อสารของสุนัข
  สุนัขสื่อสารกับเราอย่างไร

    เจ้าปุกปุยนั้นไม่อาจพูดคุยกับเราได้ แต่เค้าก็มีท่าทางการส่งภาษาให้เรารู้และเข้าใจได้ดียิ่งกว่า
    การพูดจริงๆเสียอีก ยิ่งเราได้อยู่คุ้นเคยมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งเข้าใจสิ่งที่เค้าต้องการบอกเรา
    มากขึ้นเท่านั้น การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางหรือการแกว่งหางอาจแปลความหมายได้หลาย ความหมายแล้วแต่สถานการณ์ ความฉลาดหรือการจดจำคำพูดของเรานั้นมีวิจัยออกมา แล้วว่าเทียบเท่ากับเด็กสองขวบเลยทีเดียว เราอาจจำต้องลองสังเกตุและเรียนรู้การสื่อสาร ในแบบหมาหมาบ้างไม่มากก็น้อยเพื่อที่จะได้ทราบถึงสิ่งที่เค้าอยากสื่อสารให้ เราได้เข้าใจ

 การแสดงออกโดยการเห่า
 ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤติกรรมของสุนัขแยกประเภทและความหมายของเสียงเห่าแต่ละชนิดไว้ดังนี้
 เห่าติดต่อกันเป็นชุด ๆ 3-4 ครั้งโดยมีช่วงหยุดระหว่างชุด.......ความหมาย เป็นการเชิญชวนของสุนัขให้ มาดูอะไรที่น่าสนใจตรงนี้กันเถอะ
เห่าเร็ว ๆ ติดต่อกันด้วยโทนเสียงปานกลาง........ความหมาย การเตือนภัยของสุนัขว่า มีสิ่งไม่น่าไว้วางใจใกล้เข้ามา
            
เห่าด้วยเสียงต่ำ ๆ ติดต่อกันอย่างช้า ๆ ......ความหมาย กำลังมีภัยประชิดตัว
เห่าแล้วหยุด เห่าแล้วหยุด ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ..........ความหมาย สุนัขกำลังเหงา
            
เห่าสั้น ๆ ครั้งสองครั้ง.....ความหมาย การทักทายตามปกติของสุนัข
            
เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ เมื่อคุณหรือสุนัขอีกตัวกำลังยุ่งอยู่กับเขา.............ความหมาย เขากำลังรำคาญและพยายามบอกคุณว่า หยุดซะทีเถอะ
            
ลูกสุนัขเห่าติดต่อกัน.........ความหมาย เป็นการเรียกร้องความสนใจ
              
เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ เป็นการเรียกเจ้าของ...........ความหมาย เขาต้องการขับถ่ายหรือถึงเวลาให้อาหารแล้ว
            
เห่าติด ๆ กันรัวและดังขึ้นเรื่อย ๆ ..............ความหมาย บ่อบอกถึงความตื่นเต้นสนุกสนานกับอะไรบางอย่าง

        ถึงจะพูดภาษาเดียวกันไม่ได้ แต่ก็สื่อใจถึงกันได้ ด้วยภาษากาย ภาษาสายตา มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการจะสื่อสารกับเขามากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณพยายามทำความเข้าใจใจตัวเขา เรียนรู้เขา สักวันก็จะเป็นเหมือนบทเพลง สองกายหัวใจเดียว


เรื่อง  .. สุนัขกำลังพูดอะไรกับคุณ
ลองมาดูกันดีกว่าว่าเค้ากำลังพูดอะไรกับคุณอยู่

          ดีใจจังที่เจอเธอ
          เราคุ้นเคยกับอาการนี้เวลาที่เพิ่งเจอเค้าหลังกลับมาจากที่ทำงาน เริ่มต้นด้วยเสียงเห่าที่แหลมสูง อาจทำ
          เสียงอี๊ดๆด้วย หางจะแกว่งในแนวระดับอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งพยายามเข้ามาหาเรา หูลีบไปข้างหลังเหมือนยิ้มให้ด้วยความยินดีปรีดา ทำหัวพยักขึ้นลงและอาจกระโดดใส่หรืองับมือด้วยความยินดีหากเราไม่ยอมนั่งลง ทักทาย

          มาเล่นกันหน่อยไหม
          
มีท่าเฉพาะของเค้าเลยคือเอาขาหน้าและหน้าอกแนบพื้น ทำก้นโด่งๆเข้าไว้ และแกว่งหางไปมาอย่างดีใจ และอาจเอียงคอเอาขาข้างนึงเขี่ยพื้น ไม่มีใครอดทนไม่หยอกล้อกับท่าท่างเช่นนี้ได้

          
อยู่ห่างๆไว้
          
จะเห่าเตือนด้วยโทนเสียงต่ำด้วยเสียงที่เคร่งเครียด หูตั้ง ขนหลังตั้งชัน ชูหางและยืนอย่างมั่นคงอยู่ใน
          ท่าเตรียมพร้อม

          
มีบางสิ่งผิดปรกติ ให้ไปไกลๆ
          นอกจากเห่าเตือนแล้ว อาจทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วย และยังทำเสียงขู่ครางในลำคอ

          
ฉันกลัว
          ก็จะก้มหน้าค่อมตัวลงต่ำหรือหมอบลงกับพื้นหรือหลบสายตา หัวตก หูและ

          
ฉันเศร้าเสียใจมาก
          เราเห็นการทำหน้าเศร้าทั้งหมดจากจากลูกตาที่เศร้าโศกเสียใจ ไม่มีก็อะไรที่บาดหัวใจไปกว่าสายตา
          ที่ห่อเหี่ยวหดหู่ เจ้าปุกปุยที่แสนเศร้านี้ต้องการความสนใจและการกอดที่ยิ่งใหญ่จากคุณ!

          ฉันรักเธอ
          นี่เป็นอาการที่ทุกๆคนใฝ่ฝันถึง คืออาการที่เคล้าเคลียไม่ยอมห่าง มองเราด้วยสายตาชื่นชม ทำหูตูบ
          หน้ายิ้มให้เรา บางครั้งอาจจูบหรือเลียหน้าคุณพร้อมทั้งแกว่งหางไปมาด้วยความสุข


เรื่องนี้...มีวิธีแก้ :]




เรื่อง  .. สุนัข เหงา..
อย่างไรที่เรียกว่าโรคเหงา
        คุณคงไม่สามารถที่จะอยู่กับสุนัขได้ตลอดเวลา สุนัขของคุณชอบเห่า ปัสสาวะเรี่ยราด หรือชอบทำลายข้าวของบ้างหรือเปล่า ถ้าเป็นอาจจะแสดงว่าสุนัขของคุณเป็นโรคเหงาสุนัขเป็นสัตว์สังคม สุนัขป่าก็ยังอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง สุนัขบ้านจะถือว่าสมาชิกในครอบครัวคือฝูงของมันเช่นเดียวกัน สุนัขที่สนิทกับเจ้าของหรือสมาชิกในครอบครัวมากๆ จะเกิดอาการเครียดละเหงาเมื่อถูกปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง โดยแสดงออกด้วยการเห่า ขุด กัดแทะ และพยายามทำลายข้าวของในบ้านคุณต้องเข้าใจว่าสุนัขของคุณไม่ได้มีเจตนาแกล้ง เพียงแต่มันรู้สึกไม่สบายใจเวลาที่ต้องอยู่เพียงลำพัง และพยายามที่จะหาทางไปหาเจ้าของให้ได้ เช่น การขุด กัดแทะประตู หรือทำไปเพื่อผ่อนคลายอารมณ์เครียด เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ หรือรื้อข้าวของในบ้านมากัดเล่น
ลดอาการดีใจหรือเสียใจสุดเหวี่ยง เมื่อเวลาที่คุณเข้าหรือออกจากบ้าน
        เมื่อเจ้าของกลับมาบ้านหรือออกจากบ้านทุก ทั้งสองอย่างก่อให้เกิดความเครียดในตัวสุนัขอย่างมาก พฤติกรรมทำลายข้าวของจะเกิดทันทีที่เจ้าของก้าวเท้าออกจากบ้าน หรือก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน (โดยเฉพาะผู้ที่กลับบ้านตรงเวลา) การลดความเครียดของสุนัขในเรื่องนี้ทำโดยอย่าทำให้สุนัขตื่นเต้นเมื่อเวลาเจ้าของเข้าหรือออกจากบ้าน โดยทำทีไม่สนใจตัวสุนัขสัก 5 นาที ขณะที่คุณเตรียมเก็บเอกสารหรือข้าวของ เช่นกุญแจ เสื้อคลุม ฯลฯ ทำอย่างปกติเรียบๆ ก่อนออกอาจจะกล่าวคำว่าสวัสดีหรือบ๊ายบาย ด้วยน้ำเสียงปกติแล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างปกติธรรมดา อย่ากล่าวคำสั่งเสียกับสุนัข เช่น ดูแลบ้านให้ดีนะ อย่ากัดทำลายของ ฯลฯ เพราะจะไปกระตุ้นให้สุนัขเกิดความตื่นตัวก่อนที่เราจะออกจากบ้าน เพราะจะทำให้สุนัขรู้สึกว่าถูกทิ้งตามลำพังซึ่งสุนัขจะรู้สึกว่าแย่ การที่ทำทีไม่สนใจสุนัขเขาจะเข้าใจว่าคุณอยู่บ้านในที่ใดสักแห่งที่เขาไม่เห็น เวลากลับเข้าบ้านก็เช่นเดียวกัน ทำเป็นไม่เห็นสุนัขของคุณสัก 5 นาที ขณะเดียวกันคุณก็วางข้าวของของคุณตามปกติ อย่าพูดกับสุนัขยกเว้นดุให้เขาสงบลง สำหรับสุนัขที่ควบคุมยากให้ยืนหันหน้าเข้าหากำแพง อย่าทักทายสุนัขจนกว่าสุนัขจะสงบลง จึงกล่าวคำทักทาย เช่น ตบเบาๆ ที่ไหล่แล้วกล่าวคำว่าสวัสดี แต่อย่าทำให้สุนัขตื่นเต้นดีใจอีก

ข้อควรระวัง คือ ห้ามลงโทษสุนัขเมื่อกลับเข้ามาในบ้าน ไม่ว่าสุนัขของคุณจะทำลายข้าวของเสียหายขนาดไหนก็ตาม เพราะสุนัขอาจจะคิดว่าคุณทำโทษเขาเพราะเขาอยู่เพียงลำพัง ซึ่งจะยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก ถ้าสุนัขเคยฝึกให้อยู่ในที่เฉพาะก็จะยิ่งง่าย แต่สุนัขบางตัวก็อาจยิ่งมีอาการตื่นกลัวเมื่อถูกจำกัดบริเวณหรืออยู่ในที่แคบ โดยเฉพาะในกรงของสุนัข กรณีนี้ไม่ควรให้สุนัขอยู่ในกรง]
เรื่อง  ..  ทำไงดี ? สุนัขทำลายข้าว ของ
ทำไมสุนัขจึงชอบรื้อทุกอย่างออกมากัดเล่น




จอมซนที่ชอบรื้อของประจำบ้าน  ความจริงแล้วการรื้อค้นของออกมากัดเล่นเป็นพฤติกรรมปกติของสุนัข  ปากของสุนัขเปรียบได้กับมือของคน  สุนัขใช้ปากในการสำรวจสิ่งของรอบตัว  ใช้ในการงับหรือคาบอาหาร  และใช้ปากเป็นเครื่องระบายความเซ็งและความเครียด  แต่ก็ยังดีกว่าการใช้ปากของมนุษย์ที่บางครั้งก็ก่อมหันตภัยให้กับคนรอบข้าง  สุนัขที่ใช้ปากมากเกินจำเป็นอาจจะต้องไปหาสัตวแพทย์เนื่องจากเหงือกอักเสบหรือฟันหักกร่อน  หรือเนื่องจากไปกัดเอาของที่เป็นพิษเข้า  บางตัวคงกลุ้มใจพิษเศรษฐกิจหนักขนาดจะกินยาตายเพราะดันไปคว้าเอายาลดความดัน  หรือยาแก้ปวดของเจ้าของมากัดเล่น  แถมไม่เล่นเปล่ายังกลืนลงท้องไปอีกไม่ทราบปริมาณ  เดือนร้อนทั้งเจ้าของและสัตวแพทย์ที่ต้องหาทางช่วยชีวิตสุนัขเอาไว้  ที่หนักข้อหน่อยก็คว้าเอายาฆ่าแมลงมาซดเล่น  ช่วยทันก็รอดช่วยไม่ทันก็ตาย  หรือบางทีช่วยทันแต่บังเอิญยาไปทำลายอวัยวะภายในเสียหายยับเยินก็ตายเหมือนกัน  ทางที่ดีอย่าเปิดวิทยุเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจให้สุนัขได้ยินบ่อย ๆ เดี๋ยวจะพาลช่วยเจ้าของประหยัดค่าใช้จ่ายโดยตัดช่องน้อยแต่พอตัว  เพ้อเจ้อมามากเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า 
เรามาดูกันก่อนว่าพฤติกรรมการกัดของเล่นเป็นเพราะอะไร
 การที่สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงของท่านชอบกัดแทะเป็นเพียงพฤติกรรมตามปกติ  เนื่องจากสุนัขใช้ปากแทนมือในการสำรวจสิ่งของและสิ่งแวดล้อม  ใช้ในการจับอาหารเข้าปาก  และใช้เพื่อระบายความเบื่อและความเครียด  บ่อยครั้งทีเดียวที่สุนัขใช้ปากเพื่อรักษาโรคของตัวสุนัขเอง  ที่เห็นได้เด่นชัดคือ  การแทะของใช้ในบ้านเพื่อระงับอาการปวดฟันและเหงือกอักเสบ  เช่นในรายลูกสุนัขและสุนัขอายุมาก  ซึ่งกรณีนี้มักจะกัดแทะจนกว่าจะหายปวด  ซึ่งกินเวลานานหลายวันหรือจนกว่าอาการจะหายไป  อีกกรณีคือ  สุนัขปวดท้องหรือปวดบริเวณลำคอซึ่งมักแสดงอาการกัดแทะเพียงระยะเวลาสั้น ๆ   การที่สุนัขทำลายข้าวของบางครั้งก็เป็นเนื่องจากสภาพทางอารมณ์อันเนื่องมาจากความเครียด  เช่น  จากความกลัว  หรือกังวลใจบางอย่าง  หรือเกิดเนื่องจากความพลั้งพลาดของเจ้าของเอง  เช่น  เจ้าของให้สุนัขกัดถุงเท้าเก่าหรือตุ๊กตาเก่าเล่น   สุนัขของท่านคงไม่สามารถแยกได้ว่าของที่เล่นอยู่เป็นของเก่าหรือใหม่เขาก็จะกัดเล่นไปหมด
เราจะทราบได้อย่างไรว่าสุนัขชอบทำลายข้าวของหรือไม่  และจะหาสาเหตุได้อย่างไร
 บ่อยครั้งทีเดียวที่การกัดแทะของเล่นเริ่มจากการเล่นสนุกของสุนัข  และพฤติกรรมนี้ถูกเจ้าของละเลย  เนื่องจากของที่กัดเล่นอาจจะไม่มีค่า  แต่เมื่อไหร่ที่ของที่สุนัขนำมากัดเล่นเป็นของที่มีราคาพฤติกรรมนี้จะเกิดปัญหาตามมาทันที  ประการแรกท่านต้องพาสุนัขของท่านไปหาสัตวแพทย์ประจำเพื่อหาสาเหตุของโรค  สัตวแพทย์บางท่านอาจจะช่วยท่านเจ้าของได้ในกรณีที่การทำลายของเกิดเนื่องจากความเครียดจากความกลัวบางสิ่ง  หรือเนื่องจากถูกทิ้งไว้ตัวเดียว  ความกลัวจะเห็นได้ชัดเมื่อมีการเปิดประตูหรือหน้าต่างสัตว์จะพยายามหนีออกไป  ส่วนความเหงาเนื่องจากถูกทิ้งไว้ตัวเดียวสัตว์จะเรื่มกัดแทะเมื่ออยู่เพียงลำพัง  เนื่องจากมีการเปลี่ยนตารางเวลาของสัตว์ใหม่  เช่น   เจ้าของมีงานอื่นมาใหม่  หรือมีเด็กอ่อนคนใหม่เข้ามาในบ้าน  เป็นต้น

มีสาเหตุอื่นหรือไม่ในการที่สุนัขทำลายข้าวของ
 มีครับ  เช่น  สุนัขของท่านกินเศษผ้า  หรือของแปลกปลอมเข้าไป  เคยพบกระทั่งตะปูตอกสายไฟ  โซ่ทั้งเส้น  หิน  กระดูกก้อนโต  เม็ดทุเรียน ลูกกอล์ฟ  เข็ม  กระดิ่ง  ผ้าขนหนู  ฯลฯ  ผลก็คือต้องให้สัตวแพทย์ผ่าออก  เป็นเรื่องใหญ่โตทีเดียวเพราะกว่าจะทราบบางทีก็สายเกินแก้
จะทำอย่างไรที่จะให้สุนัขเลิกทำลายข้าวของ
 เราต้องเข้าใจก่อนว่าสุนัขใช้ปากในการสำรวจของ  และเป็นเรื่องปกติ  วิธีง่ายที่สุดคือหาของให้สัตว์แทะเล่น  เช่น  กระดูกเทียม  ตุ๊กตาผ้าหรือพลาสติกที่ทำมาเพื่อให้สุนัขเล่น  ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ  ท่านเจ้าของอาจจะเลือกซื้อมาหลายอย่างสักหน่อยแล้วดูว่าสุนัขของท่านชอบของเล่นแบบไหนมากที่สุด  ท่านก็อาจจะซื้อมาหลายชิ้นหน่อยและวางไว้ในที่ ๆ สุนัขเห็นได้ง่าย  เมืองนอกมีของเล่นที่สามารถซ่อนขนมสุนัขไว้ข้างในได้  ซึ่งช่วยได้อย่างมาก  เพราะสุนัขจะสนุกกับการหาขนมที่ซ่อนอยู่ในของเล่นจนลืมทำลายข้าวของไปได้อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง  บ้านเราไม่มีของเล่นแบบนั้น  ดัดแปลงเอาได้ครับโดยทาขนม  เช่น  เนยถั่ว  ชีส  ทุเรียนกวน (ถ้าสุนัขชอบ)  ฯลฯ
 ท่านสามารถฝึกสุนัขของท่านให้กัดแทะและไม่กัดแทะบางสิ่งได้  ขั้นแรก  ท่านอาจจะวางของเล่นสุนัข  9  อย่างปนกับรองเท้า  สั่งให้สุนัขไปคาบของเล่นของเขามา  (หรือคำสั่งใด ๆ ก็ได้ที่คุณต้องการสื่อกับสุนัข)  ถ้าสุนัขคาบได้ถูกต้องก็ให้รางวัล  เช่นของขบเคี้ยว  หรือการลูบหัวหรือตบเบา ๆ ที่ไหล่เพื่อแสดงความพอใจ  รวมทั้งใช้คำพูดที่อ่อนโยน  แต่ถ้าสุนัขของคุณคาบรองเท้ามาให้ตวาดหรือส่งเสียงดัง ๆ แสดงความไม่พอใจจนกว่าสุนัขจะวางของนั้นลง  ถ้าสุนัขมีพัฒนาการที่ถูกต้องคือคาบของได้ถูกต้องทุกครั้งคุณก็ค่อย ๆ ลดของเล่นเขาลงและเพิ่มปริมาณของใช้ส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้สุนัขกัด  ภายใน  2-3  สัปดาห์ถ้าท่านฝึกได้อย่างสม่ำเสมอสุนัขก็จะทราบว่าสิ่งของที่เขาควรจะกัดมีอะไรบ้าง 
 หากิจกรรมอื่นให้สุนัขของท่านทำจนเหนื่อยหรือยุ่งจนไม่มีเวลาไปทำลายข้าวของ  เช่น  ให้วิ่งไล่คาบของมาให้  หรือเล่นซ่อนหากับสุนัขของท่าน  แต่ถ้าสุนัขของท่านไม่มีทีท่าว่าจะเลิกทำลายข้าวของ  อาจจะต้องใช้มาตรการขั้นสุดท้าย  เช่น  การวางกับดักไว้บริเวณที่สุนัขจะเข้าไปหาของที่ไม่ควรจะเล่น  เช่น  ใช้กระป๋องเปล่าใส่เหรียญวางขวางทางไว้เวลาล้มจะมีเสียงดังสุนัขจะตกใจวิ่งหนี  ใช้พริก  หรือพริกไทยโรยของที่ไม่ต้องการให้สุนัขกัด  (ต่างประเทศจะมีขายในรูปสเปรย์)  ฯลฯ  ถ้าท่านเห็นสุนัขกำลังกัดของให้ว่ากล่าวสุนัขด้วยเสียงที่แสดงความไม่พอใจทันที  อย่าไปตำหนิหลังจากนั้นเพราะสุนัขจะจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรมา  แต่ถ้าสุนัขทำดีท่านต้องให้รางวัลและพูดคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความยินดี  ถ้าสุนัขของท่านชอบรื้อขยะให้วางกระป๋องเปล่าไว้บนถังขยะ  เพื่อว่าเวลาสุนัขมารื้อกระป๋องจะล้มเกิดเสียงดัง  สุนัขจะตกใจไม่กล้ามารื้อถังขยะอีก  คุณต้องคอยชี้แนะสุนัขและสัตว์เลี้ยงของคุณในการเรียนรู้ว่าสิ่งไหนควรกัดสิ่งไหนไม่ควร  ถ้าคุณไม่สามารถทำสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นได้หรือพยายามแล้วไม่สำเร็จ  ทางเดียวที่จะแก้ได้คือคุณต้องจำกัดบริเวณสุนัขและสัตว์เลี้ยงของคุณให้อยู่เฉพาะบริเวณที่สัตว์ไม่สามารถทำลายข้าวของได้  อย่าขังไว้ในห้องครัวหรือห้องน้ำที่มีตู้หรือชั้นวางของก็แล้วกัน  เพราะสุนัขก็จะรื้อหรือกัดแทะตู้เสียหายให้คุณได้จ่ายเงินอีก 

 เรื่อง  ..  เห็บ , หมัด ในสุนัข
"การบี้เห็บ"


ยังมีผู้เลี้ยงสุนัขมากมายหลายท่าน ที่เชื่อว่าเมื่อบี้เห็บแล้วจะทำให้เกิดเห็บมากมายเป็นทวีคูณ ท่านเหล่านั้นจึงสั่งสอนลูกหลานของตนต่อๆ กันมาว่า เมื่อเก็บเห็บออกจากตัวสุนัขแล้ว อย่า บี้เห็บเป็นอันขาด ประกอบกับเคยมีนักเขียนการ์ตูนชื่อดังท่านหนึ่ง เขียนการ์ตูนไว้ในหนังสือrพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่ง เมื่อประมาณ เกือบยี่สิบปีมาแล้ว ว่าการบี้เห็บตัวเมียที่ตัวเป่งนั้น จะทำให้เกิดลูกเห็บขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อนไปจากความจริง ความเป็นจริงเป็นเช่นนี้ เห็บแข็งตัวเมียจะวางไข่เพียงครั้งเดียวเป็นจำนวนมากมาย อาจมากถึง 3,000-4,000 ฟอง และเมื่อวางไข่จนหมดท้องแล้ว เห็บตัวนั้นก็จะตายไป แต่ก่อนที่จะวางไข่ได้ มันจะต้องได้รับการผสมพันธุ์และต้องกินเลือดสุนัขจนตัวเป่งเต็มที่เสียก่อน ถ้ายังไม่ได้กินเลือดหรือกินยังไม่เพียงพอ ก็ยังไม่สามารถวางไข่ได้ เมื่อจะวางไข่ เห็บตัวเมียนั้นจะต้องหล่นจากตัวสัตว์ แล้วหาที่ปลอดภัย เช่นใต้ก้อนดินหรือก้อนหินบนพื้น หรืออาจเป็นร่องตามกำแพงหรือรอยแตกของไม้ใกล้พื้นดิน ในการวางไข่ จะใช้เวลาหลายวัน อาจนานหลายสัปดาห์ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม กระบวนการวางไข่ มีความสลับซับซ้อนซึ่งจะไม่ขออธิบายในที่นี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไข่ที่ถูกปล่อยออกมาแต่ละฟอง จะต้องถูกเคลือบไว้ด้วยสารคล้ายไขซึ่งกันน้ำไม่ให้ ระเหยออกจากไข่ไว้ชั้นหนึ่งก่อน หลังจากนั้น ไข่จะถูกเคลือบไว้ด้วยสารที่มีคุณสมบัติป้องกันการเกิด oxidation (=การทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ) ไว้อีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นถ้าเห็บที่มีไข่เต็มท้องถูกบี้จนแตกเลือดทะลักออกมา และอาจมีไข่บางส่วนไม่ถูกทำลาย ก็มิได้หมายความว่าไข่เหล่านั้นจะฟักออกเป็นตัวอ่อนได้ ทั้งนี้เพราะไข่เหล่านั้น ไม่ได้ถูกเคลือบด้วยสารทั้ง 2 ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น ไข่เหล่านั้น จึงแห้งจากความร้อนของอากาศและฝ่อไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ใหญ่แนะนำเด็กๆ ว่าอย่าบี้เห็บ อาจจะมีเหตุผลอื่นแฝงอยู่ก็ได้ เช่น เมื่อบี้เห็บแล้ว อาจจะทำให้พื้นเปื้อนเลือดที่ทะลักออกจากตัวเห็บ ทำให้พื้นเป็นรอยด่าง-ดวง ไม่น่าดู ทางเลือกอื่น ก็คือ เมื่อเก็บเห็บได้มากในแต่ละครั้ง ก็อาจลวกด้วยน้ำเดือด เห็บก็จะตายหมด หรืออาจเก็บใส่ขวดแอลกอฮอล์หรือน้ำมันก๊าด เห็บจะตายและถูกดองไว้ ไม่เน่าเปื่อย เมื่อเก็บเสร็จแล้ว ปิดฝาขวดไว้ให้แน่น และสามารถนำมาใส่เห็บในการเก็บครั้งต่อไปได้อีก ในบางบ้านที่เลี้ยงไก่ไว้ เราอาจโรยเห็บที่เก็บมาได้ ให้ไก่จิกกินก็ได้ เชื่อว่าไม่ทำให้ไก่เกิดการติดเชื้อจากเห็บได้



ขอขอบคุณและขออภัยสำหรับแหล่งที่มา